13 ท่าออกกำลังกายยืดหลังเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง

ถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้ แสดงว่าหลังส่วนล่างของคุณคงปวดอีกแล้ว อาจเป็นความเจ็บปวดแบบตื้อๆ ตอนเช้า หรือเจ็บเฉียบพลันเวลาก้มผูกเชือกรองเท้า
คุณอาจลองทุกวิถีทางแล้ว ทั้งพักผ่อน กินยา เปลี่ยนที่นอน หรือยืดเส้นบ้าง แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี

อาการปวดหลังส่วนล่างเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในผู้ใหญ่ทั่วโลก และมักรักษายากและน่าหงุดหงิด

บทความนี้เราจะสอนท่ายืดหลัง 13 ท่า พร้อมคำแนะนำ วิธีปรับท่าให้ปลอดภัย และตอบคำถามที่หลายคนสงสัย เช่น “การยืดหลังช่วยได้จริงไหม?” หรือ “ยืดแล้วจะปวดมากขึ้นหรือเปล่า?”


อาการปวดหลังส่วนล่างเกิดจากอะไร?

ปวดหลังส่วนล่างมักเกิดจากหลายสาเหตุพร้อมกัน ทั้งเรื่องร่างกาย ท่าทาง หรือแม้แต่ความเครียด

สาเหตุที่พบบ่อย:

  • ชีวิตอยู่ประจำ: การไม่ขยับร่างกายทำให้กล้ามเนื้อที่พยุงกระดูกสันหลังอ่อนแรง ทำให้หลังต้องรับแรงมากขึ้น
  • นั่งนาน: การนั่งหลายชั่วโมงโดยเฉพาะท่าทางไม่ดี ทำให้กล้ามเนื้อสะโพกและหลังตึง
  • ความเครียดและความตึงเครียด: ความเครียดสะสมสามารถทำให้กล้ามเนื้อหลังตึงและเจ็บง่าย
  • กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและก้นอ่อนแรง: กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและก้นช่วยพยุงหลัง ถ้าอ่อนแรง หลังจะต้องทำงานหนักแทน
  • หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือปูด: ทำให้กดเส้นประสาท เกิดอาการเจ็บหลังหรือชาลงขา
  • ข้อหรือหมอนรองกระดูกเสื่อม: อายุที่มากขึ้นทำให้ข้อต่อและหมอนรองกระดูกสึกหรอ ทำให้ปวดเรื้อรัง
  • ข้อ Sacroiliac (SI) เสื่อมหรือเคลื่อนไม่สมดุล: ทำให้เจ็บหลังหรือก้นเฉียบพลัน โดยเฉพาะเวลายืน เดิน หรือเปลี่ยนท่านั่ง

การยืดช่วยปวดหลังได้ไหม?

การยืดช่วยได้ แต่ต้องทำถูกวิธี เพราะการยืดค้างนานแบบสแตติกบางครั้งอาจทำให้ปวดมากขึ้น
การยืดแบบผสมการเคลื่อนไหวเบาๆ จะช่วยคลายกล้ามเนื้อตึง เพิ่มความยืดหยุ่น และป้องกันการปวดซ้ำ

งานวิจัยพบว่า โยคะช่วยลดอาการปวดหลังเรื้อรัง เพิ่มความคล่องตัว และช่วยการนอน

หากมีอาการเจ็บรุนแรง ชา ปลายมือหรือขา หรือยืดแล้วปวดมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์


13 ท่ายืดหลังส่วนล่าง (พร้อมวิธีทำและคำแนะนำ)

1. Child’s Pose – ท่าทารกน้อย: ยืดหลังเบา ๆ แต่สบายลึก

ท่านี้ดูเหมือนง่าย แต่ช่วยคลายกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างได้ดีมาก ทำให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งตัวโดยไม่กดทับกระดูกสันหลัง
วิธีทำ:

  • คุกเข่าบนเสื่อ ปลายนิ้วเท้าทั้งสองแตะกัน
  • แยกเข่าออกเล็กน้อย แล้วนั่งลงบนส้นเท้า
  • เหยียดแขนไปข้างหน้า วางหน้าผากลงกับเสื่อ
  • ปล่อยให้หน้าอกแนบลงกับพื้น
  • หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ
  • ค้างไว้ 30 วินาที ถึง 2 นาที หรือเท่าที่รู้สึกดี

เคล็ดลับ:

  • ถ้าหน้าอกยังแตะพื้นไม่ได้ ใช้หมอนหรือบล็อกโยคะรองไว้
  • ถ้าเข่าปวด ใช้ผ้าห่มพับรองใต้เข่าได้
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังเดินหรือยืนนาน ๆ
  • หลังออกกำลังกายหนัก
  • ก่อนนอนเพื่อผ่อนคลาย
  • หรือเวลารู้สึกเหนื่อยและอยากพักใจ

2. Cat–Cow – ท่าแมว–วัว: เพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกสันหลัง

ท่านี้เป็นท่าเคลื่อนไหวเบา ๆ ช่วยให้หลังยืดหยุ่นขึ้น คลายอาการตึงและทำให้หลังโล่ง
วิธีทำ:

  • เริ่มในท่าคลาน มืออยู่ใต้หัวไหล่ เข่าอยู่ใต้สะโพก
  • หายใจเข้า: แอ่นหลัง ยกหน้าอกและก้นขึ้น (ท่าวัว)
  • หายใจออก: โค้งหลัง ก้มศีรษะลง (ท่าแมว)
  • ทำต่อเนื่อง 5–10 รอบ

เคล็ดลับ:

  • เคลื่อนไหวให้สัมพันธ์กับลมหายใจ
  • ปูเสื่อหรือผ้ารองเข่าถ้าเจ็บ
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • ตอนเช้าเพื่อปลุกหลัง
  • ก่อนยืดท่าอื่น ๆ
  • หลังนั่งทำงานนาน ๆ

3. Two-Knee Spinal Twist – ท่าบิดหลังแบบนอนหงาย

ช่วยคลายกล้ามเนื้อหลัง สะโพก และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกสันหลัง แถมยังช่วยให้หายใจลึกและผ่อนคลาย
วิธีทำ:

  • นอนหงาย กางแขนออกเป็นรูปตัว T
  • ดึงเข่าทั้งสองขึ้นมาหาหน้าอก
  • ค่อย ๆ บิดเข่าไปด้านข้าง โดยที่หัวไหล่ยังแตะพื้น
  • หันศีรษะไปอีกด้านหนึ่ง
  • หายใจลึก ๆ ค้างไว้ 1 นาที แล้วสลับข้าง

เคล็ดลับ:

  • วางบล็อกหรือหมอนรองใต้เข่าถ้าแตะพื้นไม่ถึง
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังขับรถหรือทำงานนั่งโต๊ะนาน ๆ
  • ก่อนนอนเพื่อให้หลังคลายตัว

4. Knee-to-Chest Stretch – ท่ายกเข่าชิดหน้าอก

ช่วยยืดหลังส่วนล่างและสะโพก ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนเลือด
วิธีทำ:

  • นอนราบบนพื้น เหยียดขาออก
  • ดึงเข่าข้างหนึ่งเข้าหาหน้าอก ใช้มือจับหน้าแข้งหรือใต้ต้นขา
  • ค้างไว้ 20–30 วินาที แล้วสลับขา
  • ทำซ้ำ 2–3 รอบ

เคล็ดลับ:

  • อย่าดึงแรงเกินไป
  • ถ้าอยากยืดลึกขึ้น ดึงเข่าทั้งสองข้างเข้าหาพร้อมกัน
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • ตอนเช้า
  • หลังนั่งนาน ๆ
  • ก่อนนอนให้หลังคลาย

5. Pelvic Tilt – ท่าเอียงกระดูกเชิงกราน: เสริมกล้ามเนื้อแกนกลาง

ช่วยให้กระดูกเชิงกรานมั่นคงและลดอาการปวดหลังส่วนล่าง
วิธีทำ:

  • นอนหงาย เข่างอ ฝ่าเท้าราบพื้น
  • หายใจเข้า พร้อมเกร็งหน้าท้องเบา ๆ
  • หายใจออก แล้วกดหลังส่วนล่างให้แนบพื้น
  • ทำซ้ำ 5–10 ครั้ง

เคล็ดลับ:

  • ไม่ต้องออกแรงเยอะ ให้เน้นควบคุมการเคลื่อนไหว
  • ถ้านอนแล้วไม่สบาย ทำท่านี้ยืนพิงกำแพงแทนได้
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังนั่งนาน
  • เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรดูแลหลังประจำวัน

6. Supine Figure 4 – ท่าเลข 4 กลับหัว

ช่วยเปิดสะโพก ยืดก้น และบรรเทาอาการปวดจากเส้นประสาทไซอาติก
วิธีทำ:

  • นอนหงาย งอเข่า
  • ไขว้ข้อเท้าขวาทับเข่าซ้าย
  • ใช้มือจับต้นขาซ้าย ดึงเข้าหาหน้าอก
  • ค้างไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที แล้วสลับข้าง

เคล็ดลับ:

  • ถ้ารู้สึกตึงมาก ไม่ต้องดึงขาเข้ามาใกล้
  • หายใจปกติ อย่ากลั้น
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังนั่งนาน
  • หลังออกกำลังกาย
  • เวลาสะโพกตึงหรือปวดร้าวลงขา

7. Reclining Hand-to-Big Toe – ท่ายืดขาแตะนิ้วเท้า

ช่วยยืดกล้ามเนื้อขาด้านหลังและหลังส่วนล่าง เพิ่มความยืดหยุ่นของสะโพกและขา
วิธีทำ:

  • นอนราบ ยกเข่าข้างหนึ่งขึ้น
  • ใช้มือจับนิ้วโป้ง แล้วยืดขาขึ้นฟ้า
  • ค้างไว้ 20–45 วินาที แล้วสลับข้าง

เคล็ดลับ:

  • ถ้าจับนิ้วไม่ถึง ใช้สายรัดโยคะหรือผ้าขนหนูพันแทน
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังวอร์มร่างกาย
  • หลังเดินหรือยืนนาน
  • ก่อนนอนเพื่อคลายขา

8. Downward-Facing Dog – ท่าสุนัขก้มหน้า

ท่ายอดนิยมที่ยืดทั้งตัว โดยเฉพาะหลัง ขา และไหล่
วิธีทำ:

  • เริ่มจากท่าคลาน
  • วางฝ่ามือราบพื้น ยกสะโพกขึ้น
  • ให้ร่างกายเป็นรูปตัว V คว่ำ
  • ค้างไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที

เคล็ดลับ:

  • งอเข่าเล็กน้อยถ้าขาตึง
  • ถ้าวงข้อมือเจ็บ วางผ้าขนหนูพับรองได้
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • ตอนเช้าเพื่อปลุกตัว
  • หลังนั่งทำงานนาน ๆ
  • ใช้เป็นท่าคั่นระหว่างโยคะชุดอื่น ๆ

9. Bridge Pose – ท่าสะพาน: เสริมกล้ามเนื้อหลังและก้น

ช่วยให้หลังแข็งแรง เปิดหน้าอก และเพิ่มความยืดหยุ่น
วิธีทำ:

  • นอนหงาย งอเข่า วางเท้าราบพื้น
  • ยกสะโพกขึ้น ช้า ๆ
  • ค้างไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที แล้วค่อย ๆ ลดลง

เคล็ดลับ:

  • หนีบบล็อกโยคะระหว่างเข่าเพื่อจัดแนวให้ดี
  • ไม่ต้องยกสูงเกินไป
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังยืดสะโพกเสร็จ
  • เมื่อรู้สึกหลังอ่อนแรงจากการนั่งทั้งวัน

10. Pigeon Pose – ท่านกพิราบ: ยืดสะโพกลึก คลายหลัง

ช่วยยืดกล้ามเนื้อก้นและสะโพกส่วนลึก บรรเทาอาการปวดหลังและเส้นไซอาติก
วิธีทำ:

  • เริ่มจากท่าสุนัขก้มหน้า
  • ดึงเข่าขวาไปด้านหน้า วางไว้หลังข้อมือขวา
  • เหยียดขาซ้ายไปข้างหลัง
  • โน้มตัวมาข้างหน้า ค้างไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที

เคล็ดลับ:

  • ใช้หมอนหรือผ้าห่มรองสะโพกข้างที่ไม่ถึงพื้น
  • อย่าทิ้งน้ำหนักไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังออกกำลังกายขา
  • ก่อนนอนเพื่อลดความตึงสะโพก

11. Legs-Up-the-Wall – ท่ายกขาพิงกำแพง

ช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับขึ้น ลดอาการขาบวมและความเมื่อยล้า
วิธีทำ:

  • นั่งชิดกำแพง
  • เอนตัวนอนแล้วชันขาขึ้นพิงกำแพง
  • วางแขนข้างลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น
  • หลับตา พักผ่อน 5–10 นาที

เคล็ดลับ:

  • ใช้หมอนรองสะโพกเพื่อผ่อนคลายมากขึ้น
  • ถ้าขาตึง ขยับตัวออกห่างกำแพงเล็กน้อย
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • ก่อนนอน
  • หลังยืนนาน
  • เวลารู้สึกเหนื่อยล้า

12. Happy Baby – ท่าเด็กมีความสุข

ท่านี้ชื่อก็น่ารักเหมือนผลที่ได้เลย ช่วยคลายหลัง สะโพก และต้นขาด้านใน
วิธีทำ:

  • นอนหงาย ดึงเข่าทั้งสองเข้าหาหน้าอก
  • ใช้มือจับเท้าด้านนอก
  • ดึงเข่าออกไปด้านข้างใกล้รักแร้
  • ค้างไว้ 30 วินาทีถึง 1 นาที

เคล็ดลับ:

  • หายใจเข้าท้องลึก ๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย
  • ถ้าจับเท้าไม่ถึง ใช้สายโยคะหรือจับหน้าแข้งแทน
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • ปิดท้ายการยืดหรือโยคะ
  • ก่อนนอนหรือเวลารู้สึกตึงสะโพก

13. Thread the Needle – ท่าสอดเข็ม: เปิดหัวไหล่และหลังส่วนบน

ช่วยคลายไหล่ หลังส่วนบน และคอ เหมาะกับคนที่นั่งทำงานนาน
วิธีทำ:

  • เริ่มจากท่าคลาน
  • ยกมือขวาขึ้น แล้วสอดลอดใต้แขนซ้าย
  • ให้ศีรษะและไหล่ขวาแตะพื้น
  • ค้างไว้ 1 นาที แล้วสลับข้าง

เคล็ดลับ:

  • ถ้าแตะพื้นไม่ถึง วางหมอนรองไว้ใต้หัวหรือไหล่ได้
    ทำเมื่อไหร่ดี:
  • หลังนั่งโต๊ะทั้งวัน
  • ในช่วงโยคะฟื้นฟูหรือก่อนนอน

ทั้งหมดนี้เหมาะกับการทำ หลังตึง หลังปวด หลังนั่งนาน หรืออยากผ่อนคลายร่างกาย
ยืดเป็นประจำจะช่วย คลายกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น และลดโอกาสปวดซ้ำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *