ถ้าคุณพยายามลดน้ำหนักเต็มที่แล้วแต่ก็ยังไม่เห็นผล นั่นเป็นเพราะ “โรคอ้วน” เป็นภาวะซับซ้อนที่มีหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมที่ทำให้มีแนวโน้มอ้วนง่าย อาหารที่เต็มไปด้วยของมัน ของทอด หรือของหวาน รวมถึงการใช้ชีวิตแบบนั่งนาน ขยับตัวน้อย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเครียด สุขภาพจิต การนอนหลับไม่ดี หรือฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง เหล่านี้ล้วนส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
แม้จะมีหลายวิธีช่วยลดน้ำหนัก แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผลกับทุกคน หนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจคือ “โยคะ” ซึ่งมีงานวิจัยจำนวนมากที่ยืนยันว่าโยคะสามารถช่วยจัดการความเครียด ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น ลดการกินตามอารมณ์ และสร้างแรงสนับสนุนจากชุมชนผู้ฝึกโยคะ เหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักและรักษาน้ำหนักให้คงที่
โยคะยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ สร้างกล้ามเนื้อ และเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย อีกทั้งยังลดอาการปวดข้อ ทำให้คุณสามารถออกกำลังกายอย่างอื่นได้มากขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งทั้งหมดนี้คือประโยชน์ที่มากกว่าแค่ “ออกกำลังกายเพื่อผอม”
โยคะช่วยจัดการความเครียดที่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม
คำว่า “โยคะ” มาจากภาษาสันสกฤตว่า Yuj แปลว่า “การเชื่อมโยง” หรือ “การรวมกาย ใจ และอารมณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว” โยคะจึงเป็นศาสตร์แบบองค์รวมที่ช่วยดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งตรงกับรากเหง้าของปัญหาน้ำหนักตัวเกินในหลายกรณี
เมื่อเรามีความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ซึ่งจะกระตุ้นให้เราอยากกินของหวาน ของมัน และสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากขึ้น โยคะช่วยลดระดับคอร์ติซอล ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ลดความวิตกกังวล ช่วยให้นอนหลับดี และยังลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังอย่างความดันหรือเบาหวาน ซึ่งมักต้องใช้ยาที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มอีกด้วย
โยคะช่วยให้เราตระหนักรู้มากขึ้นเวลา “กิน”
ใครที่ชอบกินไอศกรีมตอนดึก ๆ หรือหยิบขนมกรุบกรอบแบบหยุดไม่ได้คงรู้ดีว่าพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ลดน้ำหนักยาก โยคะช่วยให้เรารู้เท่าทันร่างกายและอารมณ์มากขึ้น เหมือนเป็นการ “ทำสมาธิแบบเคลื่อนไหว” ทำให้เราหยุดคิดก่อนกิน ลดการกินตามอารมณ์และการกินแบบลืมตัว
มีงานวิจัยในปี 2015 พบว่าคนที่ฝึกโยคะจะมีพฤติกรรมการกินที่ดีขึ้น เช่น กินไขมันน้อยลง และกินผักธัญพืชมากขึ้น สรุปง่าย ๆ คือ “แผนอาหารที่ดีที่สุดคือแผนที่เราทำได้ต่อเนื่อง” และโยคะช่วยให้เราทำได้จริง
ชุมชนโยคะ = พื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเวลาเข้าฟิตเนส แต่บรรยากาศในคลาสโยคะกลับต่างออกไป เพราะเต็มไปด้วยความเข้าใจและการยอมรับ ครูโยคะหรือผู้ฝึกที่มีประสบการณ์สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เริ่มต้นหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง
งานวิจัยพบว่า “เครือข่ายทางสังคม” มีผลต่อพฤติกรรมสุขภาพอย่างมาก และชุมชนโยคะคือหนึ่งในเครือข่ายเชิงบวกที่ช่วยให้เรามีกำลังใจในการเปลี่ยนแปลง
หากคุณเพิ่งเริ่มต้น ลองหาคลาสที่เหมาะกับระดับของตัวเอง หรือถ้ายังไม่สะดวกไปสตูดิโอ ก็มีคลาสออนไลน์มากมายให้เลือกบน YouTube และ Instagram บางครูโยคะเป็นคนรูปร่างใหญ่และเข้าใจความรู้สึกของผู้เริ่มต้นเป็นอย่างดี ซึ่งช่วยให้รู้ว่า “โยคะไม่ใช่แค่สำหรับคนผอม”
สรุป
โยคะให้ประโยชน์กับทุกคน ไม่ว่าจะรูปร่างแบบไหนก็ตาม การฝึกโยคะอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะเห็นผล แต่ถ้าฝึกอย่างสม่ำเสมอ คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ทั้งในแง่สุขภาพกาย ใจ และความมั่นคงทางอารมณ์

